โคลอสเซียม คือ สังเวียนต่อสู้ขนาดใหญ่สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ ตั้งอยู่ ณ กรุงโรง ประเทศอิตาลี โดยมีโครงสร้างแบบวงกลมรี มี 4 ชั้น แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนบนประกอบด้วย ระเบียงเปิด 3 ชั้น สร้างด้วยหินปูน ส่วนชั้นที่ 4 ได้สร้างเป็นห้องมีหน้าต่าง วัสดุในการก่อสร้างประกอบด้วย เสาหลักซึ่งสร้างด้วยหินปูนชนิดมีความแข็งแกร่ง ในขณะที่เสาทั่วๆไปสร้างด้วยหินปูนชนิดพรุนและอิฐ พื้นและกำแพงปูด้วยกระเบื้อง เพดานทรงโค้งภายในอาคารสร้างด้วยปูนซีเมนต์ จากการใช้วัสดุเหล่านี้ในการก่อสร้าง จึงทำให้ โคลอสเซียม มีความแข็งแรง ทนทานในระดับสูง ซึ่งนอกจากจะเป็นสถาปัตยกรรมขนาดยักษ์ อายุร่วมกว่า 1,900 ปีแล้ว ยังทำให้นักประวัติศาสตร์หลายต่อหลายคนต้องตกตะลึงในความสามารถของผู้คนสมัยนั้นอีกอย่าง ก็คือ ใช้เวลาก่อสร้างจนเสร็จสมบูรณ์เพียงประมาณ 10 ปีเท่านั้น ด้วยความสามารถและเครื่องไม้เครื่องมือในสมัยนั้น เป็นเรื่องยากมากในการสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่และสามารถจุผู้คนระดับ 5 หมื่นคนขึ้นไป ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
สำหรับที่มาของชื่อ โคลอสเซียม บรรดานักประวัติศาสตร์ก็ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดสำหรับในเรื่องนี้ แต่มีการคาดการกันว่า เป็นชื่อของชื่อรูปปั้นทองแดง โคลอสซุส ของจักรพรรดิเนโร ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกันนั่นเอง
โคลอสเซียม เปิดสังเวียนครั้งแรกปี ค.ศ. 80 ในสมัยจักรพรรดิติตุส ซึ่งในปี ค.ศ. 80 สนามยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ดีนัก แต่เปิดเพื่อเป็นสนามใช้แข่งขันให้เกลดิเอเตอร์ต่อสู้กันเอง โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน หรือสู้กับสัตว์ดุร้าย เช่นสิงโต เสือ กระทิง เป็นต้น โดยมีชีวิตเป็นเดิมพันเช่นดียวกัน บางทีก็มีการต่อสู้ระหว่างสัตว์ป่าด้วยกันเอง เช่น เสือสู้กับสิงโต กระทิงสู้กับหมี เป็นต้น เรียกว่าหากมีอะไรที่สามารถต่อสู้กันได้ ต้องถูกจับให้มาประลองที่ โคลอสเซียม แห่งนี้อย่างแน่นอน
เกลดิเอเตอร์ คือกีฬายอดฮิตของชาวโรมันในสมัยนั้น ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้ว่า การต่อสู้ประเภทนี้มีมานานแล้ว ก่อนจะสร้างโคลอสเซียมซะอีก แต่ต่อมาจึงการพัฒนาถึงเรื่อง กฏ กติกา ต่างๆ แบบใหม่ขึ้นมา เป็นการเพิ่มความเร้าใจ ตื่นเต้นให้กับผู้ชมนั่นเอง
เกลดิเอเตอร์ ส่วนใหญ่จะมาจากทาส รวมทั้งเชลยสงครามรอโทษประหารชีวิต โดยจะนำมาต่อสู้กันเอง เพื่อความสนุกสนาน ฝ่ายที่แพ้จะถูกคู่ต่อสู้ฆ่าทิ้ง ส่วนฝ่ายผู้ชนะจะต้องไปต่อสู้กับเกลดิเอเตอร์คนต่อไป สู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่เหลือคู่ต่อสู้อีก ถึงจะได้การขนานนามว่า นักสู้ยอดฝีมือเพียงหนึ่งเดียว รางวัลคือได้อิสรภาพกลับมาอีกครั้ง ต่อมาจึงมีการเปลี่ยนกติกาใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อความสนุกตื่นเต้นมากกว่าเดิม เมื่อจักรพรรดิอนุญาตให้คนทั่วไป หรือทาส ผู้ต้องการครอบครองยศบรรดาศักดิ์และได้รับอิสรภาพในสังคม ได้ต่อสู้กับทหารยอดฝีมือ พวกบรรดานายทาสทั้งหลายที่หวังเงินจากการพนัน จึงส่งทาสในสังกัดของตนไปร่ำเรียนวิชาการต่อสู้ ก่อนเข้าสังเวียนประลองนั่นเอง